Wednesday, October 31, 2012

น้ำแร่และน้ำเปล่าแตกต่างกันอย่างไร


น้ำเปล่า เป็นน้ำที่บริสุทธิ์ ไม่มีสารอาหารใดๆ เป็นโมเลกุลที่มีขั้ว ประกอบไปด้วยไฮโดรเจน 2 อะตอม และออกซิเจน 1 อะตอมยึดเหนี่ยวกันด้วยพันธะไฮโดรเจน  น้ำเป็นตัวทำละลายที่ดีมากๆ และร่างกายสามารถดูดซึ่มได้รวดเร็วและดีที่สุดเมื่อเทียบกับน้ำชนิดอื่นๆ โดยน้ำเปล่าที่เป็นน้ำดื่มส่วนใหญ่จะผ่านการกรองด้วยเครื่องกรองน้ำ และระบบ Reverse Osmosis

น้ำแร่ เป็นน้ำที่อยู่ใต้ดินซึ่งประกอบไปด้วยสารอาหารมากมาย แต่แร่ธาตุจะมากหรือจะน้อยขึ้นอยู่กับแหล่งที่เกิดทางธรณีวิทยา เช่น ถ้าเกิดในบริเวณชั้นหินที่มีอายุเยอะแล้วจะมีความอุดมสมบูรณืของแร่ธาตุดีมาก แต่สารอาหารในน้ำแร่ ก็มีทั้งที่ดีและไม่ดีกับร่างกาย สารอาหารที่ดีต่อร่างกายในน้ำแร่ก็อย่างเช่น เกลือซัลเฟต ช่วยในการขับถ่าย, ฟลูออไรด์, แคลเซียม, โพแทสเซี่ยม ช่วยในกระบวนการเมทาบอลิซึ่ม , โซเดียม  ช่วยรักษาสมดุลน้ำในร่างกาย เป็นต้นและน้ำแร่แบ่งได้อีกหลายชนิด ตามแหล่งที่เกิดและสรรพคุณที่ช่วยในการรักษาโรค ส่วนสารอาหารที่ส่งผลเสียต่อร่างกาย เช่น สารหนู โครเมียม ไซยาไนด์ โมลิบดินัม แวนาเดียม เป็นต้น สำหรับน้ำแร่นั้นถ้าจะนำไปบรรจุขวดเพื่อเป็นน้ำดื่มจะไม่มีการกรองผ่านเครื่องกรองน้ำใดๆทั้งสิ้น มิฉะนั้นก็จะไม่เรียกว่า "น้ำแร่" ดังนั้นถ้าเห็นมีคนเอาเครื่องทำน้ำแร่มาขาย โดยใช้น้ำเปล่าผ่านชั้นหินต่างๆ แสดงว่าท่านโดนหลอกแล้วครับ



สิ่งที่เหมือนกันระหว่างน้ำแร่และน้ำเปล่า คือ เป็นสิ่งที่ร่างกายต้องการเพื่อนนำน้ำไปใช้ในกระบวรการต่างๆของร่างกาย เช่น ขับของเสียออกจากร่างกาย

สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างน้ำแร่และน้ำเปล่า
ความแตกต่างระหว่างน้ำแร่และน้ำเปล่า จะต่างกันที่น้ำแร่มีแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการมากกว่าน้ำเปล่าเท่านั้นเอง แต่แร่ธาตุเหล่านี้ เราจะได้รับอยู่แล้วในทุกๆ วัน ซึ่งได้จากการรับประทานอาหาร ถ้าร่างกายได้รับแร่ธาตุมากเกินไป ก็จะถูกขับออกมาในรูปของของเสีย ทำให้ดื่มไปก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรขึ้นมาสำหรับท่านใดที่ดื่มน้ำแร่แทนน้ำเปล่าก็ลองพิจรณากันดูอีกทีนะ เพราะราคาที่แพงกว่าแต่คุณค่ามีเท่าๆกัน

ข้อเสียสำหรับผู้ที่ไม่ชอบดื่มน้ำหรือน้ำเปล่า
โดยการเลือกดื่ม น้ำหวาน น้ำอัดลม หรือ กาฟแทน หรือบางท่านอาจดื่มเฉพาะเวลาที่รู้สึกกระหายน้ำเท่านั้น ขอบอกว่าให้เลิกพฤติกรรมนี้ซะ เพราะว่าเซลล์ทุกเซลล์ในร่างกานจะไปกระไปด้วยน้ำ ถ้าคุณไม่ดื่มน้ำหรือดื่มแต่น้ำหวาน จะส่งผลให้เซลล์ในร่างกายเหี่ยว ร่างกายเข้าสู่ภาวะขาดน้ำ สุขภาพย่ำแย่ ไม่มีสมาธิเพราะสมองขาดน้ำ รู้สึกเหนื่อยและหงุดหงิดง่าย อาจเกิดการตกผลึกของเกลือแร่ทำให้เกิดโรคนิ่วในไตได้ง่าย หัวใจต้องทำงานหนักเป็นอย่างมากเพราะ ในเลือดไม่มีน้ำ แต่กลับมีน้ำตาลอยู่ ทำให้เลือด เหนี่ยวและข้น ยากต่อการที่จะส่งเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย ปาก คอ ผิวพรรณ แห้ง มันมีผลเสียมาเลยใช่ไหมค่ะ กับการที่ร่างกายขาดน้ำ สำหรับท่านใดที่ไม่ชอบดื่มน้ำเปล่า ก็เริ่มมาดื่มด้วยวิธีการจิ๊บน้ำแทนก่อน จิบบ่อยๆ และค่อยๆเพิ่มปริมาณขึ้นค่ะ และเราก็จะเคยชินกับการดื่มน้ำไปเอง

Tuesday, October 23, 2012

สุขภาพดี เริ่มต้นที่การดื่มน้ำ


น้ำเปล่า เครื่องดื่มที่ขาดไม่ได้ ต่อให้มีเครื่องดื่มรสชาติโปรดปราน เป็นน้ำผลไม้หรือสมูธตี้ก็ตาม แต่ร่างกายก็ยังต้องการน้ำเปล่า ที่สะอาด บริสุทธิ์เอาไว้หล่อเลี้ยงร่างกายอยู่เสมอ  เรารู้กันดีอยู่แล้วว่าน้ำ มีความสำคัญต่อชีวิตของเรา เพราะทำให้ระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายทำงานได้อย่างปกติ นอกจากนี้ยังมีผลต่อสุขภาพผิวพรรณ ทำให้มีน้ำมีนวล เปล่งปลั่งไม่แห้งกร้าน

โดยปกติแล้ว ในทุก ๆ วัน ร่างกายจะเสียน้ำจากการขับถ่ายและการหายใจ โดยเสียน้ำจากการขับถ่ายมากถึง 1.5 ลิตร และจากการหายใจถึงเกือบ 1 ลิตร จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม เราถึงต้องดื่มน้ำให้ได้เฉลี่ยวันละ 8 แก้ว ก็เพื่อช่วยทดแทนการสูญเสียน้ำนั่นเอง



ดื่มอย่างไร ถึงจะเรียกว่าดี

วันนี้เรามีเทคนิคการดื่มน้ำที่จะช่วยให้เราสามารถดื่มน้ำได้ในปริมาณที่เหมาะสม และเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายมากฝากกัน


- ตอนเช้า 1 แก้ว (ประมาณ 400 c.c.) เป็นช่วงที่เลือดมีความเข้มข้นสูง มีลักษณะขาดน้ำ เพราะขณะหลับเรายังคงมีการสูญเสียน้ำจากการหายใจ 1 แก้วสำหรับตอนเช้าจึงจำเป็น

- ตอนสาย ๆ 2 แก้ว โดยแบ่งเป็นการดื่มหลังอาหารเช้า กับ ระหว่างช่วงเช้าถึงสาย ช่วงนี้จะเริ่มมีของเสียเกิดขึ้น เพราะร่างกายได้ทำงานไประยะหนึ่งแล้ว จึงควรดื่มน้ำเพื่อชำระของเสียเหล่านั้น

- ตอนกลางวันถึงตอนบ่าย 3 แก้ว แบ่งได้เป็นช่วงหลังอาหารกลางวัน และช่วงบ่ายอีก 2 ครั้ง เพื่อช่วยระบบการเผาผลาญของร่างกายให้มีประสิทธิภาพและช่วยกำจัดของเสียในร่างกายด้วย

- ตอนเย็น 2-3 แก้ว หากคุณไปออกกำลังกาย น้ำเป็นสิ่งจำเป็นมาก ๆ เพราะร่างกายจะสูญเสียน้ำผ่านทางเหงื่อมากเป็นพิเศษ ควรดื่มน้ำหลังอาหารเย็น และช่วงเวลาพักผ่อนหลังอาหารด้วย

- ก่อนนอน 1 แก้ว เพื่อให้น้ำได้ไหลเวียนชำระสิ่งตกค้างในลำไส้และกระเพาะอาหาร และช่วยลดภาวะการขาดน้ำขณะหลับ นอกจากนี้การดื่มน้ำอุ่นจะยิ่งช่วยให้หลับสบายยิ่งขึ้น


วิธีการดื่มน้ำให้ได้ผลดีตามที่กล่าวมานั้น จำเป็นต้องดูความเหมาะสมด้วย เพราะการดื่มน้ำมากเกินไป อาจเป็นการขับแร่ธาตุบางอย่างออกมามากเกินความจำเป็น เช่น ธาตุโซเดียม ซึ่งจะทำให้อ่อนเพลีย และอาจเป็นตะคริวได้ ดังนั้นพึงระลึกอยู่เสมอว่า อาหารที่เราทานนั้นมีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่แล้ว การดื่มน้ำเป็นการช่วยเสริมไม่ให้ร่างกายต้องอยู่ในภาวะขาดน้ำเท่านั้น ดังนั้นควรดื่มแต่พอดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป เราก็จะได้ประโยชน์และคุณค่าของการดื่มน้ำได้อย่างเติมที่