ทราบกันหรือเปล่าว่า "น้ำแข็ง" ที่เราบริโภคกันโดยเฉพาะที่เราบริโภคกันนอกบ้านนั้นใช้น้ำอะไรมาผลิต ทายถูกไหมเอ่ย จะบอกให้ก็ได้นะว่า คำตอบก็คือ "น้ำประปา" นั้นเอง
ฟังแล้วถึงกับอึ้งแต่ข้อเท็จจริงนี้ถูกยืนยันโดยข้อมูลจากการประปานครหลวง (กปน.) โดยทางการประปาได้เคยมีการทำการสำรวจแล้วว่า โรงงานทำน้ำแข็งส่วนใหญ่ในปัจจุบันใช้น้ำประปาเป็นวัตถุดิบในการผลิตน้ำแข็ง ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ชนิดที่เป็น น้ำแข็งซอง หรือที่เป็นก้อนขนาดใหญ่ นำมาทุบให้เล็กลงเพื่อใส่เครื่องบดใส่ถุงพลาสติกขาวๆ เพื่อไปจำหน่ายต่อ ซึ่งน้ำแข็งชนิดนี้เหมาะสำหรับแช่ของสด หรือบางครั้งทั้งแช่อาหาร แช่น้ำขวด รวมทั้งใส่แก้วบริการลูกค้า ส่วนอีกชนิดเป็นน้ำแข็งหลอดสำเร็จรูป ออกจากเครื่องบรรจุใส่ถุงพร้อมจำหน่าย
ส่วนเรื่องของการจัดส่งนั้นแม้ว่าโรงงานผลิตหลายแห่งมีมาตรฐานการขนส่งที่สะอาดน่าเชื่อถือ แต่ก็ยังมีอีกจำนวนมากที่ใส่รถบรรทุกคลุมด้วยผ้าใบพร้อมกับมีพนักงานยืนคุมบ้าง นั่งทับบนน้ำแข็งบ้าง ซึ่งจากพฤติกรรมดังกล่าว คงไม่ต้องถามถึงเรื่องความสะอาดปลอดภัย เพราะเชื่อแน่ว่า ในน้ำแข็งเหล่านั้นจะต้องมีเชื่อโรคปนเปื้อนอยู่แน่นอน
นี่ขนาดเรายังไม่ต้องเข้าไปดูถึงกรรมวิธีการผลิตน้ำแข็งในโรงงาน ซึ่งเป็นที่ที่ทำให้น้ำแข็งเกิดการปนเปื้อนได้ง่าย ด้วยสาเหตุทั้งหมดที่เล่ามานั้น จึงเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ดีทีเดียวว่าน้ำแข็งส่วนใหญ่จึงมีคุณภาพน่าเป็นห่วงมากแค่ไหน
สำหรับในเรื่องของคุณภาพของน้ำแข็งนั้น ทางสำนักคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ได้มีข้อกำหนดในเรื่องคุณภาพของน้ำแข็งว่า จะต้องไม่ให้พบเชื้ออีโคไล และเชื้อจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรค รวมถึงหลักเกณฑ์ในการดูแลอุปกรณ์ กระบวนการผลิต การล้างทำความสะอาด สุขลักษณะของคนที่ทำงานควบคุมการผลิต ฯลฯ
โดยจากการสำรวจของ อย. พบว่าทั้งน้ำแข็งซองและน้ำแข็งหลอด มักมีการปนเปื้อนจากเชื้อจุลินทรีย์ เช่น โคลีฟอร์ม อีโคไล ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่ปนเปื้อนมาจากสิ่งปฏิกูล ส่วนใหญ่ปนเปื้อนจากผู้ปฏิบัติงานที่สัมผัสกับน้ำแข็งโดยตรง หรือจากการขนส่ง
นอกจากนี้ถุงใส่น้ำแข็งที่มักจะใช้แล้วนำกลับมาใช้อีกจนกว่าจะขาด ฯลฯ ซึ่งเมื่อเชื้อโรคเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายและเติบโตแข็งแรงขึ้นก็จะสร้างสารพิษทำอันตรายต่อผู้บริโภคได้อย่างรุนแรง เช่น ทำให้ท้องเสีย ฯลฯ ซึ่งเชื่อโรคเหล่านี้มักจะเจริญเติบโตได้ดีในหน้าร้อนอย่างช่วงนี้ด้วย